ณ เวทีเสวนา “บ่อนตู้คีบหลอกเด็ก ส่อพนัน เต็มห้างเกลื่อนเมือง ลุงเห็นไหม” จัดโดยเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน ร่วมกับมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน โดยนายณัฐพงศ์ สำเภาแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนันกล่าวว่า ตู้คีบตุ๊กตาคือการพนัน ตาม พ.ร.บ.การพนัน 2478 บัญชี ข. หมายเลข 28 และเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับประเด็นนี้ ว่าเป็นการพนัน เหมือนกับพวกพนัน บาคาร่า ไฮโล สล็อต แต่ปัจจุบันยังพบเห็นตู้คีบตุ๊กตาจำนวนมากในห้างชั้นนำ
ทั้งนี้ เครือข่ายฯและมูลนิธิรณรงค์หยุดพนันได้ลงพื้นที่สำรวจตู้คีบตุ๊กตาในห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า 10 จังหวัด จำนวน 92 ห้างดัง พบว่า 75 ห้างมีเครื่องเล่นตู้คีบตุ๊กตากว่า 1,300 ตู้ เปิดให้บริการอย่างเปิดเผยในบริเวณโซนเครื่องเล่น โรงภาพยนตร์ ศูนย์อาหาร หน้าห้องน้ำ และทางเข้าออกห้าง โดยเปิดแบบไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ไม่มีการควบคุมอายุผู้เล่น และไม่พบใบอนุญาตให้สามารถเล่นการพนันตู้คีบตุ๊กตาได้ นอกจากนี้ยังพบข้อความบิดเบือนความจริง เช่น ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ, สินค้านี้ไม่ใช่เครื่องมือการพนัน มีไว้เพื่อการขายสินค้าเท่านั้น เป็นกลยุทธ การหลอกให้ผู้เล่นสับสนเข้าใจผิด เมื่อสอบถามความเห็นประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 1,004 คน กว่าร้อยละ 80 เคยมีประสบการณ์การเล่นตู้คีบตุ๊กตา และเกินกว่าครึ่งไม่ทราบว่าตู้คีบตุ๊กตาเป็นการพนัน ทางเครือข่ายฯ ขอเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาตู้คีบตุ๊กตาผิดกฎหมาย ร่วมปกป้องเด็กและเยาวชนไม่สร้างพฤติกรรมความคุ้นชิน และทัศนคติที่ดีต่อการพนัน ช่วยกันประชาสัมพันธ์กฎหมายสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สังคม และให้เรียกร้อง ไปยังห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศไทยยุติการให้บริการตู้คีบตุ๊กตา
นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนันกล่าวว่า ตู้คีบตุ๊กตาจะต้องได้รับอนุญาตก่อนจึงจะจัดให้เข้าเล่นได้ ต้องประกาศชัดเจนว่าเป็นตู้คีบเป็นการเล่นพนัน ต้องไม่อนุญาตให้เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าเล่น เด็ดขาด